Open Source คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ผู้พัฒนาอนุญาต ให้นำไปใช้ได้ ไม่ว่าเราจะนำไปต่อยอดงานส่วนอื่นๆ พัฒนาโปรแกรมต่อ และแน่นอนว่าเมื่อพัฒนาแล้วก็ต้องเปิดเผยให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้ และสามารถพัฒนาต่อได้เช่นกัน
ทำไมถึงต้องใช้ด้วยหละ
สำหรับ software บางตัว จะใช้ก็ต้องย่อมเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพงอยู่แล้ว ถ้าเกิดเรานำมาใช้โดยไม่ได้ซื้อ แน่นอนว่าต้องละเมิดลิขสิทธิ์แน่ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่คุ้ม
การเลือกที่จะใช้ software นั้นมันก็ต้องดูอะไรหลายๆอย่าง มาเป็นองค์ประกอบ ถ้าธุรกิจขนาดเล็กมาก จะซื้อ software ราคาแพงมาใช้ ก็คงจะไม่คุ้มเสียซักเท่าไหร่
ถ้าจะให้พูดถึงคำว่า ลิขสิทธิ์ แน่นอนว่า ทุกคนย่อมที่จะหลีกเลี่ยงใช้ของที่มันมีลิขสิทธิ์อยู่แล้ว ถ้าเกิดยังดื้อดึงที่จะใช้อยู่ แน่นอนว่าผลเสียต่างๆ ก็จะตามมาอย่างคาดไม่ถึงเลยเชียว เช่น การฟ้องร้อง ซึ่งทำให้เกิดค่าเสียหายต่างๆนาๆ อีกทั้งยังผิดกฏหมายอีกด้วย ซึ่งก็ไม่พ้นพวกซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งซอฟต์แวร์สำเร็จรูป บางอย่างก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างจะแพง และแน่นอนว่า ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปบางตัวก็อาจจะละเมิดลิขสิทธิ์อยู่
แน่นอนว่าทางเลือกที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีแน่ ซึ่งนั่นก็คือ โอเพนซอร์ส นี่เอง
The Open Source Initiative (OSI) ได้ให้คำจำกัดความของโอเพนซอร์สตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
- การเผยแพร่ซ้ำโดยเสรี – Free redistribution
- ซอร์สโค้ด – Source code
- งานต่อเนื่อง
- การคงความสมบูรณ์ในซอร์สโค้ดของผู้เขียน
- การไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลหรือกลุ่ม
- การไม่เลือกปฏิบัติในการจำกัดสาขาการใช้งาน
- การเผยแพร่สัญญาอนุญาต
- สัญญาอนุญาตต้องไม่เจาะจงผลิตภัณฑ์
- สัญญาอนุญาตต้องไม่จำกัดซอฟต์แวร์อื่นๆ
- สัญญาอนุญาตต้องเป็นกลางทางเทคโนโล
เราจะมาพูดกันง่ายๆ ก็คือ โอเพนซอร์ส ก็คือโปรแกรมที่สามารถนำมาใช้ได้ฟรี แต่ถ้าจะถามว่า มีสิ่งที่ต้องการครบไหม ก็อาจจะตอบไม่ได้ แต่เราก็สามารถนำมาพัฒนา ต่อยอดได้เอง สมมุติเราอยากจะพัฒนา web application ซักเว็บนึงแต่เราอยากจะเสียค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุด
- OS : ubutu
- Programing Language : Java
- Database : MySQL หรือ PostgreSQL
- Server : เช่า (เสียค่าใช้จ่ายแค่ส่วนนี้)
- etc.
นี่ก็คือตัวอย่างการใช้โอเพ่นซอร์ส ซึ่งมันก็ไม่ได้มีแค่นี้ เพราะตัวโอเพ่นซอร์สในปัจจุบันมีเยอะมาก แถมยังมีคอมมูนิตี้ ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาให้เราได้ด้วย